มาดูนิยามของคำว่าเจ้ามือกันก่อนครับ “เจ้ามือ” ในทีนี้หมายถึง คน หรือกลุ่มคนที่มีจำนวนเงินมากมายมหาศาลมากพอ หรือการมีช่องทางที่ทำให้สามารถผู้คนในวงกว้างรับรู้ถึงข่าวสาร และเกิดการสร้างผลกระทบต่อราคา ไม่ว่าจะการทุบราคา การเพิ่มราคาอย่างรุนแรง จนกราฟวิ่งอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมีหลายคนเข้าใจว่าเจ้ามือในตลาด Forex อาจจะเป็นกองทุน (Hedge fund) หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Sovereign Funds) แต่เจ้ามือจริง ๆ แล้วหมายถึง คน หรือ กลุ่มคนที่มีเงินทุนจำนวนมากพอจนสามารถขยับขยายตลาดได้นั่นเองครับ

มาดูนิยามของคำว่าเจ้ามือกันก่อนครับ “เจ้ามือ” ในทีนี้หมายถึง คน หรือกลุ่มคนที่มีจำนวนเงินมากมายมหาศาลมากพอ หรือการมีช่องทางที่ทำให้สามารถผู้คนในวงกว้างรับรู้ถึงข่าวสาร และเกิดการสร้างผลกระทบต่อราคา ไม่ว่าจะการทุบราคา การเพิ่มราคาอย่างรุนแรง จนกราฟวิ่งอย่างรวดเร็ว

ซึ่งมีหลายคนเข้าใจว่าเจ้ามือในตลาด Forex อาจจะเป็นกองทุน (Hedge fund) หรือสถาบันการเงินระหว่างประเทศ (Sovereign Funds) แต่เจ้ามือจริง ๆ แล้วหมายถึง คน หรือ กลุ่มคนที่มีเงินทุนจำนวนมากพอจนสามารถขยับขยายตลาดได้นั่นเองครับ

และการเป็นผู้ทรงพลังในการแพร่กระจายข่าวสารต่างๆ ในตลาดแห่งนี้ คงจะหนีไม่พ้น ‘เฟด’ (FED) หรือธนาคารกลางสหรัฐฯที่เรียกได้ว่าออกมาพูดประกาศข่าวเมื่อไหร่  กราฟใน Forex รวมไปถึงตลาดหุ้นและคริปโตก็ได้รับผลกระทบกันถ้วนหน้า

และเหตุผลที่เฟดมีอำนาจมากที่สุดในวงการลงทุนนี้ เพราะสามารถกำหนดอัตราดอกเบี้ยสกุลเงิน USD ที่เป็นสกุลเงินหลักของโลกนั้น ก็ที่มีผลต่อการโยกย้ายเงินทุน รวมไปถึงการผลิตเงินเองได้ และสามารถแทรกแทรงตลาดด้วยวิธีต่าง ๆ โดยที่ไม่ต้องแจ้งตลาดครับ

เฟดหนึ่งในผู้เล่นหลักในตลาด Forex และยังมีผู้เล่นอีกหลายรูปแบบ ที่เราจะมาทำความรู้จักกันจะมีใครบ้างไปดูกันครับ

1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed)

ถึงแม้ธนาคารกลางไม่ได้ทำมาทำการเทรด Forex เพื่อซื้อขายเก็งกำไรแต่ถือว่าเป็นขาใหญ่ที่สุด เพราะทำหน้าที่แลกเปลี่ยนสกุลเงินต่าง ๆและกำหนดนโยบายทางการเงินที่ส่งผลกระทบต่อการไหลเวียนของสกุลเงินต่างๆ เช่น หากธนาคารกลางสหรัฐฯ (FED) เลือกที่จะขึ้นดอกเบี้ยนโยบายเพิ่มอีก 5% ก็จะทำให้อัตราผลตอบแทนดอกเบี้ยพันธบัตรสูงขึ้นไปด้วย ก็อาจเป็นผลให้มีนักลงทุนสถาบันการเงินขนาดใหญ่ กองทุนรวมต่างๆ ย้ายเงินที่ตัวเองบริหารอยู่ แล้วนำไปซื้อพันธบัตรสหรัฐฯ ซึ่งพอพันธบัตรสหรัฐฯ มีความต้องการมากขึ้นเรื่อยๆ ก็ตามหลักการเลย คือ Demand มากขึ้น ก็ทำให้ดอลลาร์แข็งค่าขึ้นครับ

ซึ่ง 3 ธนาคารกลางที่มีอิทธิพลต่อตลาด Forex ได้แก่ ธนาคารกลาง สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และยุโรป

2. ธนาคารพาณิชย์ และธนาคารเพื่อการลงทุน (Commercial & Investment Banks)

ปริมาณการซื้อขายสกุลเงินที่ใหญ่ที่สุด เกิดขึ้นระหว่างธนาคาร ธนาคารทุกขนาดซื้อขายสกุลเงินระหว่างกันและกัน ผ่านเครือข่ายอิเล็กทรอนิกส์ ธนาคารขนาดใหญ่มีสัดส่วนการซื้อขายสกุลเงินทั้งหมดเป็นจำนวนมาก และธนาคารยังอำนวยความสะดวกในการทำธุรกรรม Forex สำหรับลูกค้า และดำเนินการซื้อขายเก็งกำไรจากโต๊ะซื้อขายของตนเองอีกด้วย

เมื่อธนาคารทำหน้าที่เป็น Dealer สำหรับลูกค้า ส่วนต่างระหว่างราคาเสนอซื้อขาย ก็เป็นผลกำไรของธนาคาร และยังนำเงินนี้ไปกระจายการในการลงทุนที่หลากหลาย

3. ผู้จัดการการลงทุน และกองทุนป้องกันความเสี่ยง (Investment Managers and Hedge Funds)

ผู้จัดการพอร์ตโฟลิโอ กองทุนรวม และกองทุนเฮดจ์ฟันด์เป็นกลุ่มผู้เล่นที่ใหญ่ถัดจากธนาคาร และธนาคารกลาง ผู้จัดการการลงทุนซื้อขายสกุลเงินสำหรับบัญชีขนาดใหญ่ เช่น กองทุนบำเหน็จบำนาญ มูลนิธิ และเงินบริจาค โดยผู้จัดการการลงทุนที่มีพอร์ตการลงทุนระหว่างประเทศ จะต้องซื้อและขายสกุลเงินเพื่อซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศ

ผู้จัดการการลงทุนอาจทำการซื้อขายแลกเปลี่ยนเพื่อการเก็งกำไร ในขณะที่กองทุนป้องกันความเสี่ยงบางแห่งดำเนินการซื้อขายสกุลเงินเพื่อเก็งกำไรซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์การลงทุน

4. บริษัทข้ามชาติ

บริษัทที่ดำเนินธุรกิจนำเข้าและส่งออก ทำธุรกรรม Forex เพื่อชำระค่าสินค้าและบริการ อาทิ ผู้ผลิตแผงโซลาร์เซลล์สัญชาติเยอรมันที่นำเข้าส่วนประกอบจากอเมริกา และจำหน่ายผลิตภัณฑ์สำเร็จรูปในจีน หลังการขายขั้นสุดท้าย หยวนจีนที่ผู้ผลิตได้รับจะต้องแปลงกลับเป็นยูโร บริษัทเยอรมันต้องแลกเงินยูโรเป็นดอลลาร์เพื่อซื้อส่วนประกอบอเมริกันเพิ่ม

บริษัทค้าขาย Forex เพื่อป้องกันความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับการแปลสกุลเงินต่างประเทศ บริษัทเยอรมันเดียวกันอาจซื้อดอลลาร์อเมริกันในตลาดสปอต หรือทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนสกุลเงินเพื่อรับดอลลาร์ล่วงหน้าในการซื้อส่วนประกอบจากบริษัทอเมริกัน เพื่อลดความเสี่ยงจากความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน